วิธีตัดใจ ได้ผลจริง 100% บริษัทจัดหาคู่
แต่กอนที่เราจะเฉลยว่าคุณต้องทำอะไรบ้างเพื่อตัดใจ ให้คุณถามตัวเองก่อนว่า ทำไมคุณถึงรู้สึกเจ็บปวดอยู่ตอนนี้?
เพราะคุณคิดว่า ’เขา‘ คือทางด่วนพิเศษสู่ความสุขในชีวิตของคุณ ถ้าหากมีเขาอยู่ ความเหงา ความปวดใจ อาการซึมเศร้าทุกอย่างจะหายไปทันที แล้วคุณจะกลับมามีความสุขกับชีวิตของคุณได้อีกครั้ง
สิ่งที่คุณขาดอยู่ตอนนี้ คือ ’ความสุข‘ ไม่ใช่ ‘เขาหรือเธอ’
ทีนี้มาทำความรู้จักกับ วิทยาศาสตร์แห่งความสุข
แม้คุณอาจจะคิดว่า บทความนี้เป็นบทความไร้สาระ ที่มาพูดเรื่องความสุขในชีวิต เพื่อช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น และไม่ได้ช่วยให้คุณตัดใจได้จริงๆ แล้วล่ะก็
คุณกำลังคิดผิด
บทความนี้เขียนโดยอิงวิทยาศาสตร์เป็นหลัก และเมื่อเราเขียนถึงความสุขและการตัดใจ เราเขียนโดยอิงวิทยาศาสตร์เช่นกันค่ะ
งานวิจัยชี้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ไม่ว่าจะร้ายหรือดี ส่งผลเพียงน้อยนิดต่อความสุขของคุณในสามเดือนข้างหน้า หรือพูดอีกอย่างก็คือ ไม่ว่าตอนนี้คุณจะอกหักแค่ไหนก็ตาม.. มันก็แค่ชั่วคราว ไม่ว่าคุณจะตัดใจได้หรือไม่ ชีวิตคุณจะกลับมามีความสุขได้อีกครั้งในไม่ช้า และความรู้สึกซึมเศร้าในตอนนี้ จะหายไปอย่างสิ้นเชิงในเวลาไม่ช้าเช่นกันค่ะ
ต่อจากนี้ เราจะบอก ‘วิธีตัดใจ’ ให้คุณทราบ ซึ่งวิธีที่เรานำเสนอเพียงพอสำหรับการตัดใจจากใครสักคนได้แน่นอน และเมื่อคุณตัดใจได้ คุณจะรู้สึกมีความสุขอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน
แต่แม้คุณจะตัดใจไม่ได้ เพราะสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยหรืออย่างไรก็ตาม หากคุณทำตามคำแนะนำของเรา คุณจะกลับมาพอใจกับชีวิตและมีความสุขอีกครั้ง
1. ให้เวลากับตัวเอง
แม้ขณะที่กำลังเขียนบทความนี้อยู่ เรารู้สึกถึงความรู้สึกเศร้าที่ถาโถมเข้ามา และเห็นใจคุณมากๆ ที่กำลังฝ่าฟันกับสิ่งนี้อยู่ เราเพียงอยากให้คุณรู้ว่า เรารู้ว่าคุณกำลังพบเจอกับความรู้สึกแบบใดอยู่ เข้าใจมากๆเลยค่ะ
ช่วงเวลานี้อาจจะเกิดสงครามเล็ก ๆ ขึ้นระหว่างหัวใจกับความคิดของคุณ เพราะตั้งแต่คุณเริ่มรักอีกฝ่ายหัวใจของคุณก็จะล่องลอยไปหาใครคนนั้นอยู่ตลอดเวลา และพยายามจะเชื่อว่าความรักของคุณกับอีกฝ่ายจะต้องเป็นไปได้ ในทางกลับกันความคิดของคุณก็จะบอกกับคุณว่า ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกันก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้อีกแล้ว คงจะดีกว่าหากเริ่มหยุดตัวเองตั้งแต่ตอนนี้ ดังนั้นลองใช้เวลากับตัวเองเพื่อหาต้นตอสาเหตุที่แท้จริงว่าทำไมคุณกับเค้าถึงไปด้วยกันไม่ได้ในใจของคุณอาจจะคิดวนเวียนอยู่ว่า เมื่อคุณทุ่มเทความรักไปแต่ทำไมเค้าถึงไม่ให้สิ่งเดียวกันกลับมา จึงเป็นเรื่องที่ต้องเข้าใจว่า คุณไม่ได้เป็นคนสร้างปัญหา แต่ปัญหาก็คือเขามีเหตุผลในใจบางอย่าง ที่ทำให้ไม่สามารถรักคุณได้ คุณต้องยอมรับกับความจริง และทำให้ทั้งหัวใจกับความคิดของคุณเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
2. เศร้าให้พอแล้วหยุด
คุณอาจจะเคยขอคำปรึกษาจากเพื่อน จากญาติ ถึงวิธีตัดใจ ซึ่งพวกเขาจะตอบคุณกลับมาว่า
“บอกเขาไปสิว่ากลับมาคืนดีกันได้มั้ย”
“อย่าเสียใจไปเลย”
หรือ
“อย่าไปคิดถึงเขามากสิ”
คำแนะนำเหล่านี้ฟังดูมีเหตุผล แต่มันเป็นสิ่งที่คุณไม่ควรทำหากคุณต้องการตัดใจจากสักคน
ยิ่งคุณหยุดหรือพยายามจะบังคับตัวเองไม่ให้รักอีกฝ่ายมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งคิดและอาจจะรักมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้น เมื่อคุณรู้สึกเสียใจก็ปล่อยให้ตัวเองเสียใจ ร้องไห้เมื่ออยากร้องไห้ จนกว่าจะรู้สึกว่าเศร้ามามากพอแล้ว อีกทั้งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหากคุณจะรู้สึกโกรธ สับสบ เหมือนโดนทรยศ และเศร้าในเวลาเดียวกัน
3. เพลงบำบัด
อย่าไปฟังเพลงที่ทำให้คิดถึงคนที่ไม่รักเรา เอามันโยนทิ้งไปก่อนเลยนะ บรรดาเพลงที่ยิ่งฟังแล้วยิ่งเฮิร์ตเนี่ย ให้ไปหาเพลงที่ฟังแล้วมีกำลังใจฮึกเหิม แนะนำเพลงของBodySlamเพราะเกือบทุกเพลงช่วยบรรเทาอาการอกหักได้เป็นอย่างดี ให้กำลังใจให้ก้าวเดินต่อไปข้างหน้า ไม่ใช่ฟังแล้วยิ่งช้ำยิ่งมึน ฟังเข้าไปเยอะๆตาจะเริ่มสว่าง
4. คิดถึงตัวเองตอนที่มีความสุข
เราต้องจินตนาการถึงตัวเราเองตอนที่มีความสุขที่สุด เช่น ตอนที่เราเป็นเด็กๆ แล้วได้วิ่งเล่นกับเพื่อน หรือตอนที่เราเป็นนักเรียนมัธยม แล้วได้ทำกิจกรรมที่เราชอบ เราไม่อยากได้ตัวเองตอนนั้นกลับคืนมาเหรอ เราจะอยากเป็นคนเศร้า อมทุกข์ และซึมกะทือไปทำไม ในเมื่อเราเลือกที่จะเป็นคนที่มีความสุขก็ได้นี่นาจริงมั๊ย แล้วเราก็มานังนึกดูกันดีๆว่าเราจะปล่อยให้ตัวเองแบกคนที่มาทำให้ชีวิตเราหนักอึ้งไว้บนบ่าทำไม ....วางเค้าลงซะแล้วเดินจากมา ความรักที่ดีจะไม่ทำให้เราทุกข์ทรมานหรอก มันอาจมีทุกข์ได้บ้างตามประสามนุษย์แต่มันต้องไม่ทำให้เรารู้สึกอยากตายหรือไร้ซึ่งความหวังและสูญเสียความเป็นตัวเองหรือความดีงามของเราไป ถ้าความรักครั้งใดที่ทำให้เราเป็นแบบนั้น แปลว่ามันไม่ใช่แล้วล่ะ
5. เริ่มเข้าสังคม
อีกหนึ่งวิธีที่คุณสามารถจะรักษาอาการเจ็บปวดจากรักข้างเดียวได้ ก็คือ การที่คุณเริ่มเข้าสังคม ออกไปพบปะเพื่อน ๆ หรือใช้เวลาอยู่กับคนใกล้ชิด เช่น คนในครอบครัวให้มากขึ้น เพราะการอยู่คนเดียวจะทำให้ความคิดของคุณวนเวียนอยู่กับเรื่องของอีกฝ่ายมากขึ้น แต่เมื่ออยู่กับคนอื่นๆบทสนทนากับกิจกรรมของพวกเขา ก็จะเป็นตัวที่พาคุณออกจากห้วงความคิดเหล่านั้นได้เอง หรือไปออกกำลังกายเพราะตอนที่เราออกกำลังกาย ร่างกายจะหลั่งสารเอ็นโดรฟินออกมา ทำให้จิตใจที่หนักอึ้งและอาการย้ำคิดย้ำทำทุเลาเบาบางลงจนค่อยๆหายไปเอง แต่มีข้อแม้ว่าต้องทำอย่างจริงจังและทำเป็นประจำอาทิตย์ละ 3 – 4วันนะ จะวิ่ง เดิน ตีแบด เต้นรำ ว่ายน้ำ ไปฟิตเนส อะไรก็ได้ แค่ขอให้หัวใจได้เต้นระรัวและเหงื่อออกท่วมตัวซะหน่อยก็ใช้ได้แล้วและผลพลอยได้ก็คือหุ่นที่ฟิตแอนด์เฟิร์มด้วยนะ เราจะได้กลับมารู้สึกดีๆกับตัวเองอีกครั้งและรักตัวเองมากขึ้น
6. ตัดขาดการติดต่อ
คุณควรจะหลีกเลี่ยงหรือตัดช่องทางการติดต่อทุกวิธีได้เลยยิ่งดี เช่นลบการติดต่อของอีกฝ่ายออกไปจากรายชื่อเพื่อนในโซเชียลเน็ตเวิร์ก และคุณไม่ควรแม้แต่เข้าไปส่องโปรไฟล์ของเขา ลบเบอร์โทรศัพท์หรือข้อความแชทที่เคยส่งหากัน หรืออาจจะขอความร่วมมือจากเพื่อน ๆ ของคุณว่า ไม่ควรเอาข่าวคราวเกี่ยวกับเขามาเล่าให้คุณฟังอีก รวมไปถึงสิ่งของต่างๆที่เก็บความทรงจำของความรักในอดีตเอาไว้ ทิ้งมันไป อย่าปล่อยให้เกะกะสายตาและหัวใจ และคอยเตือนตัวเองให้รู้ว่า รอบๆ ข้างคุณ ยังมีคนดีๆ ให้คุณได้พบเจอ และได้ทำความรู้จักอีกจำนวนมาก
เมื่อไม่มีสิ่งที่ดึงความทรงจำเกี่ยวกับเขามากระทบตากระทบใจ คุณจะคิดถึงเขาน้อยลง จะสามารถโฟกัสกับปัจจุบันได้ดีขึ้นเรื่อยๆค่ะ
7. ตั้งเป้าหมายให้กับตัวเอง
คุณอาจจะใช้ความเจ็บปวดเหล่านั้นมาเป็นพลังในการผลักดันให้ตัวเองไปสู่เป้าหมายเร็วขึ้นก็ได้ แต่ก่อนอื่นคุณก็ต้องตั้งเป้าหมายเอาไว้ก่อนว่า อยากจะทำสิ่งใดให้สำเร็จบ้าง อย่างเช่น เรียนรู้ภาษาใหม่ ๆ ซื้อรถคันใหม่ เลื่อนตำแหน่งในหน้าที่การงาน เปิดโลกกว้างโดยการย้ายไปต่างประเทศ หรือต้องได้งานใหม่ภายในเวลาที่กำหนด เป็นต้น อีกทั้งในช่วงที่กำลังโสดแบบนี้ยังทำให้คุณมีเวลาพัฒนาตัวเองไปสู่เป้าหมาย และทำในสิ่งที่ตัวเองชอบมากขึ้นด้วย
และหากคุณยังไม่มีเป้าหมายอะไร คุณควรเริ่มมองหาเป้าหมายให้กับตัวเองได้แล้ว เพราะนั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณโดดเดี่ยว
เรารู้ว่าคุณพยายามถามตัวเอง ถึงสาเหตุที่เขาทิ้งคุณ หรือไม่รักคุณ ซึ่งการเข้าใจถึงแก่นแท้ของสาเหตุ จะช่วยให้คุณตัดใจได้เร็วยิ่งขึ้น
สาเหตุของการบอกลาอาจจะมีมากมายหลายสาเหตุ ซึ่งโยงมาสู่สาเหตุหลักคือ เขาหรือเธอไม่ได้ชอบคุณแล้ว ไม่ว่ามันจะเป็นเพราะเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง หรือความชอบค่อยๆลดลงในช่วงเวลาหลายเดือนก็ตาม เคยมีผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า “เราบังคับให้ใครชอบกันไม่ได้” ซึ่งเขาพูดถูกค่ะ เพราะหากคุณลองจินตนาการถึงคนที่เขาชอบคุณแต่คุณไม่ชอบเขา คุณเองก็บังคับให้ตัวเองไปชอบเขาไม่ได้เช่นกัน
แต่การ ‘มีเป้าหมาย’ จะทำให้คนอื่นชอบคุณง่ายขึ้น
เช่นเดียวกับการ ‘ไม่มีเป้าหมาย’ ที่จะทำให้ความชอบค่อยๆ ลดลงไป
เพราะไม่มีใครอยากมีคู่ขี้เกียจ คุณควรมีเป้าหมาย รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร และต้องทำยังไงถึงจะทำเป้าหมายได้สำเร็จ
อาจจะเริ่มด้วยการแชร์กับเพื่อนหรือครอบครัวว่า วันนี้คุณจะทำอะไรบ้าง อาจจะฟังดูเล็กน้อย แต่การแชร์เป้าหมายแต่ละวันกับคนรอบข้าง จะทำให้คุณมองภาพรวมของชีวิตคุณได้ชัดเจนยิ่งขึ้นค่ะ
8. มองหาคู่เดทคนใหม่
ถึงแม้ว่าตอนนี้คุณยังไม่สามารถลบอีกฝ่ายได้อย่างสนิทใจ แต่อาจจะสามารถลืมได้ในเร็ว ๆ นี้หากคุณลองเริ่มต้นออกเดทกับใครสักคนอีกครั้ง หากไม่สามารถทำได้ก็ไม่ต้องกดดันตัวเองมาก รอไปเรื่อยๆจนกว่าคุณพร้อมและเจอคนที่รู้สึกว่าน่าจะใช่จริงๆ ในระหว่างนี้ก็อาจจะหากิจกรรมทำ หรือออกไปพบปะสังสรรค์กับคนสนิทก่อนก็ได้
9. ทำความเข้าใจอาการพานิคเมื่อสูญเสียสิ่งที่รัก
ช่วงแรกที่คุณกำลังตัดใจจากใครสักคน อารมณ์ของคุณจะไม่คงที่ และมีอาการซึมเศร้าเป็นเรื่องปกติ เรารู้ว่าคุณอยากโทรหาคนๆ นั้นและขอคืนดีกับเขา หรือขอให้เขาให้โอกาส ขอให้เขารักคุณ คุณอยากส่งข้อความหาคนๆนั้นบนเฟสบุ๊ค ไลน์ อธิบายกับคนๆนั้นว่าคุณรักเขาหรือเธอมากแค่ไหน หากคุณรู้สึกแบบนี้อยู่ เราเข้าใจค่ะ คุณกำลังมีอาการพานิค หรือ Panic หรือแปลเป็นไทยว่า ‘อาการหวั่นวิตก’
อะไรคืออาการหวั่นวิตก? และทำไมคุณถึงรู้สึกเช่นนี้? เรารู้ว่าปกติแล้วคุณอาจจะเป็นคนที่ตัดสินใจทำอะไรตามหลักเหตุผลและเป็นคนเข้าใจอะไรๆง่าย แต่อาการหวั่นวิตกนี้สามารถทำให้คนที่มีเหตุผลที่สุดตัดสินใจทำสิ่งที่ไม่ควรทำ แล้วอาการหวั่นวิตกนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? อาการหวั่นวิตกนี้เกิดจากการสูญเสียสิ่งที่มีค่าต่อคุณโดยฉับพลันหรือโดยไม่ทันตั้งตัว
ในบางครั้ง คนเรามีอาการหวั่นวิตกเพราะต้องพบเจอกับสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย แม้ว่ากันตามเหตุตามผลแล้ว คนๆนั้นอาจจะไม่ได้เหมาะสมกับคุณ แต่คุณเพียงแค่ชินกับการที่มีคนๆนั้นอยู่ข้างๆคุณในทุกๆวันมานาน เมื่อคนๆนั้นหายไป คณจึงพบกับสถานการณ์ที่คุณไม่คุ้นเคยและนั่นทำให้คุณหวั่นวิตก
แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะหลังจากคุณหยุดติดต่อคนๆนั้นประมาณหนึ่งเดือน หรือสามสิบวัน สมองของคุณจะเริ่ม reset และกลับมาคิดแบบเป็นเหตุเป็นผลอีกครั้ง ดังนั้นช่วงนี้คุณเพียงแค่ต้องอดทน และพยายามลบสิ่งที่ทำให้คุณคิดถึงเขาออกไป หรือตัดขาดการติดต่อ ตามที่กล่าวไว้ในข้อที่ 6 นั่นเอง
10. กลับมาทำงานอดิเรกเก่าๆ
มีงานอดิเรกอะไรที่คุณเคยชอบทำมั้ยคะ? อาจจะเป็นการปีนเขา วาดรูป เล่นกีฬา ถ่ายรูป เล่นบอร์ดเกมส์ หรือไปเที่ยว.. เริ่มทำงานอดิเรกสักอย่างนะคะ
นี่เป็นช่วงเวลาที่เหมาะจะทำงานอดิเรกที่คุณเคยอยากทำ ที่สำคัญคุณอาจจะพบกับเพื่อนใหม่ด้วยก็ได้ค่ะ โดยการทำงานอดิเรกนั้น คุณจะได้ประโยชน์แน่ๆสองอย่างคือ 1 ระหว่างทำงานอดิเรก คุณจะสามารถค่อยๆ หยุดคิดถึงเขาได้ 2 การมีงานอดิเรกทำนั้น ช่วยให้คุณมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้นค่ะ
เรามีวิธีง่ายๆ เพื่อช่วยให้คุณหางานอดิเรกทำได้ง่ายยิ่งขึ้น
1. เข้า Craigslist และหา activity partners หรือเพื่อนร่วมกิจกรรม วิธีนี้จะช่วยให้คุณรู้สึกสนุกกับงานอดิเรกมากขึ้น เพราะคุณมีเพื่อนใหม่ที่พร้อมจะเริ่มงานอดิเรกไปกับคุณ
2. หาคอร์สเรียนออนไลน์หรือคลาสพิเศษตามมหาวิทยาลัย ตามเว็บไซต์มหาวิทยาลัยต่างๆ มักจะมีคอร์สพิเศษที่เปิดให้บุคคลภายนอกสมัครเรียนได้ รับรองค่ะว่าต้องมีคอร์สใดคอร์สหนึ่งที่คุณอยากเรียนแน่นอน
11. ออกกำลังกายมากขึ้น
การออกกำลังกายสามารถช่วยให้คุณอารมณ์ดีขึ้น หากคุณถามคนที่ว่ายน้ำ วิ่ง ปีนเขา เป็นประจำ พวกเขาจะพูดเหมือนกันค่ะว่า
“ออกกำลังกายแล้วรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้นค่ะ”
”วิ่งแล้วรู้สึกมีพลังมากขึ้น แข็งแรงมากขึ้นครับ”
“ออกกำลังกายแล้วเครียดน้อยลงค่ะ”
ทำไมการออกกำลังถึงช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น? จากบทความ “Journal of Neural Transmission” ในปี 2009 ระบุว่าการออกกำลังกายส่งผลต่อปริมาณสารโดปามีนและเซโรโทนินที่ผลิตจากสมองของเรา
อะไรคือโดปามีนและเซโรโทนิน?
มันคือสารสื่อประสาท ส่งผลต่ออารมณ์ การนอน สติสัมปชัญญะ และพฤติกรรมโดยตรง การมีสารทั้งสองประเภทนี้ในระดับปกติ จะช่วยให้คุณคิดอะไรๆให้แจ่มแจ้งขึ้นและรู้สึกดีขึ้น ในทางตรงกันข้ามคนที่ขาดสารสองอย่างนี้ในสมองมักขาดแรงบัลดานใจและมีอาการซึมเศร้า โดยการออกกำลังหาย สามารถช่วยเพิ่มสารโดปามีนและเซโรโทนินได้ค่ะ
ถ้าคุณพร้อมที่จะเปิดรับความรักและมองหาชีวิตคู่แบบจริงจัง การแต่งงานและการสร้างครอบครัว
เลือกเราเป็นตัวช่วยของคุณ MeetNLunch รับประกันเดทที่มีคุณภาพ ได้ผล และประหยัดเวลา
สนใจบริการจัดหาคู่ ติดต่อสอบถามได้ที่ ไลน์บริษัทจัดหาคู่ MeetNLunch Line id: @meetnlunch (ใส่ @ ข้างหน้าด้วยนะคะ)
บทความน่าอ่านอื่นๆ
วิธีแชทให้เขาหลงรัก
วางตัวอย่างไรให้ชายหนุ่มคิดถึงคุณมากขึ้น
วิธีสังเกตแฟนหนุ่มว่า “จริงใจ” และ “จริงจัง” กับคุณ
อ่านภาษากายรู้ลึกไปถึงก้นบึ้งหัวใจ
ธรรมะสอนใจ นำธรรมะมาใช้กับความรัก